Loading...

HEALTH CORNER

อ่านเรื่องราวพบคำแนะนำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมกิจกรรมและข่าวสารให้คนรักสุขภาพได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกวิธี

รู้จักไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 พ่อแม่ควรป้องกันลูก

แถมเป็นโรคที่มีการกลายพันธุ์ได้ง่าย และมีอยู่หลายสายพันธุ์จนน่ากังวลและน่าเป็นห่วง ซึ่งมีการระบาดตามฤดูกาลในทุกปี หนึ่งในนั้นคือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ที่ถึงแม้จะมีความรุนแรงน้อยกว่าไข้หวัดนก รักษาได้ง่ายกว่า แต่ก็พบว่ามีการแพร่กระจายของเชื้อได้มากกว่าและเร็วกว่า มาทำความรู้จัก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 หรือไข้หวัดหมู กันให้มากขึ้น เพื่อพร้อมป้องกันให้ลูกน้อยกันคะ

 

ทำความรู้จัก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1

 

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ไข้หวัดหมู เกิดขึ้นได้จากการติดต่อกันในระบบทางเดินหายใจระหว่างคนสู่คน โดยการไอหรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด หรือติดเชื้อจากมือหรือสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ โดยเชื้อโรคจะเข้าสู่ทางจมูกและตา เช่น เมื่อมือสัมผัสเชื้อและนำมาขยี้ตา หรือถูกจมูก ทั้งนี้การเรียกชื่อ “ไข้หวัดหมู” ไม่ได้หมายความว่าโรคนี้สามารถติดต่อได้จากหมูสู่คน แต่เป็นการเรียกตามชื่อของอาการที่พบในช่วงแรกเนื่องจากคล้ายอาการของโรคไข้หวัดที่พบในหมู การกินเนื้อหมูที่ปรุงสุกและสะอาดจึงไม่ได้ทำให้เกิดโรคนี้แต่อย่างใด

 

และถึงแม้ว่า ไข้หวัดใหญ่ H1N1 จะมีอาการไม่รุนแรง แต่การป้องกันและดูแลสุขภาพเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ให้เจ็บป่วย จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการไม่ได้รับเชื้อของไข้หวัดชนิดนี้

 

อาการไข้หวัดใหญ่ H1N1

 

เบื้องต้นจะมีอาการ ไข้ขึ้นสูง ไอ ปวดเมื่อยเนื้อตามร่างกาย คัดจมูก ปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย บางรายอาจมีอาการอาเจียนโดยโรคนี้จะมีระยะฟักตัวก่อนจะเกิดอาการประมาณ 3-7 วัน และอาจนานถึงสองสัปดาห์ หากบ้านไหนที่มีเด็กเล็ก ต้องหมั่นคอยสังเกตอาการของลูก หากพบว่าลูกมีอาการดังกล่าว ควรรีบนำไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรค เพราะถ้าหากไม่ได้รับการรักษาจะมีอาการรุนแรงขึ้นคล้ายกับโรคปอดบวม

 

วิธีการป้องกันเบื้องต้นเพื่อให้ลูกๆ ห่างไกลไข้หวัดใหญ่ H1N1

 

ปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับป้องกันไข้หวัดใหญ่ H1N1 ดังนั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างได้ผลดีจึงควรให้เด็กๆ ได้มาฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี และถึงแม้ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จะเป็นที่ยอมรับและมีการรับรองทางการแพทย์ในทั่วโลก แต่การดูแลและปฏิบัติตัวเบื้องต้นก็เป็นการลดความเสี่ยงที่จะเป็นไข้หวัด

1.แนะนำให้ลูกได้ล้างมืออย่างถูกวิธี ใช้สบู่ทำความสะอาดหรือเจลแอกอฮอล์ ก่อนและหลังรับประทานอาหาร หรือภายหลังจากการสัมผัสสิ่งของร่วมกันผู้อื่นหรือตามสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น ของเล่น ลูกบิดประตู ราวบันได ฯลฯ

2.ไม่เอามือแคะจมูกหรือขยี้ตา เพราะอาจจะทำให้ได้รับเชื้อเข้าสู่ทางร่างกายได้

3.เมื่อพ่อแม่หรือบุคคลภายในบ้านเป็นไข้หวัด ควรสวมหน้ากากอนามัย หรือการแนะนำลูกให้ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการไอหรือจามรดกัน

4.ควรหลีกเลี่ยงในการพาลูกไปในสถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือมีคนหนาแน่น

5.แนะนำลูกไม่ควรใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ถ้วย ช้อน ชาม ผ้าเช็ดหน้า

6.ชักชวนลูกออกกำลังกายด้วยกัน และดูแลเรื่องโภชนาการอาหาร ดื่มน้ำให้สะอาด เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและสร้างภูมิต้านทานสำหรับการเป็นโรคไข้หวัดได้

 

The Asean Parent