Loading...

HEALTH CORNER

อ่านเรื่องราวพบคำแนะนำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมกิจกรรมและข่าวสารให้คนรักสุขภาพได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกวิธี

‘กลูตาฯ’ ทางเลือกที่ผิด ของคนอยากขาว

แล้ววิธีไหนละเห็นผลเร็วที่สุด หนุ่มสาวก็เสาะแสวงหาสิ่งที่คิดว่าดีจะทำให้ผิวขาวตามมา แต่บางครั้งมองข้ามจุดเล็กๆไป โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งสารที่นิยมนำมาใช้เพื่อปรับผิวให้ขาวใส คือ “กลูตาไธโอน” (glutathione)

ยิ่งสมัยนี้มีร้านค้าออนไลน์เยอะแยะไปหมด ไม่รู้ยี่ห้อไหนบ้าง หลายสิบหลายร้อยแบรนด์เต็มไปหมด คนนี้ก็แนะนำว่ายี่ห้อนั้นดี ส่วนอีกคนก็บอกว่าอันนี้ดีกว่า หรือบางคนไม่รู้จะเชื่อใครดี ลองกินทุกอย่าง คราวนี้แหละคนรอบข้างจะพูดให้เราได้ยินว่า เลือกกินให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ออกกำลังกาย จะไม่ดีกว่าเหรอ

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า สมัยนี้ความนิยมผิวขาวใสของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่แสวงหาวิธีที่จะทำให้ผิวขาวตามมา ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย อย่างการปรับผิวให้ขาวใสด้วย “กลูตาไธโอน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เซลล์ในร่างกายของคนสามารถสังเคราะห์ได้เอง

“กลูตาไธโอน” มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

“การนำกลูตาไธโอนไปฉีด เพื่อให้ผิวขาวนั้น ถือว่าเป็นการประยุกต์ใช้ขึ้นมาเอง เพราะจะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี หรือที่เรียกว่า 'เมลานิน' ซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่มีการศึกษาที่น่าเชื่อถือ ยืนยันหรือรับรองประสิทธิภาพของกลูตาไธโอน ในการทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง”

แล้วเหตุใด คนส่วนใหญ่จึงคิดว่า ฉีดแล้วได้ผล กินแล้วขาว ก็เพราะ...หลงเชื่อคำโฆษณา อวดอ้างสรรพคุณต่างๆทางสื่ออินเทอร์เน็ต จึงพากันไปฉีดเพียงเพื่อความสวยงาม โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่มีต่อร่างกายในระยะยาว

ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอน ในท้องตลาดส่วนใหญ่อยู่ในรูป "ยาเม็ด" สำหรับรับประทาน ซึ่งกลูตาไธโอนนี้สามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหาร ดังนั้นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการรับประทานกลูตาไธโอนในรูปแบบของยารับประทานนั้นแทบจะไม่มีเลย

การพัฒนาและปรับประยุกต์ใช้จึงเริ่มขึ้น พยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนการรับประทาน เนื่องจากเชื่อว่ามีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวขาวได้ดีกว่า แต่ประเด็นสำคัญของการใช้ยาฉีดกลูตาไธโอน คือ ความปลอดภัย

"บางคนฉีดเป็นประจำทุก 1-2 สัปดาห์และฉีดในปริมาณที่เกินขนาด 2-3 เท่าตัว เพราะเข้าใจว่า ยิ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ผิวขาวรวดเร็ว แต่มันยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เพราะเมื่อฉีดสารดังกล่าวเข้าเส้นเลือดดำ คนไข้มีโอกาสที่จะแพ้ตัวยา สารปนเปื้อน ทำให้มีอาการช็อก ความดันต่ำ หายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้"

อันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อมา เมื่อร่างกายได้รับสารกลูตาไธโอนเป็นเวลานานๆ จะทำให้เม็ดสีเมลานินบริเวณผิวหนังที่ทำหน้าที่เหมือนฟิล์มกรองแสง ขาดเกราะป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต ผิวหนังก็จะเกิดการระคายเคือง มีริ้วรอย เหี่ยวย่น แก่เร็ว และเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ส่วนที่จอตาจะทำให้รับแสงได้น้อยลง และเสี่ยงต่อการมองเห็นในอนาคต

"ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้จากอาหารจำพวกโปรตีน ไข่ นม รวมถึงผักผลไม้ประเภทหน่อไม้ฝรั่ง อะโวคาโดและวอลนัท ดังนั้นหากต้องการ มีผิวพรรณที่ดี ให้กินอาหารครบ 5 หมู่ เน้นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเช่น ฝรั่ง ส้ม มะเขือเทศ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ"

ที่เตือน! เพราะ...ทั้งเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง และตาบอดได้ แต่หากอยากผิวเนียนใสและมีสุขภาพดี ควรเริ่มที่ตัวคุณ เพียงแค่ทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกาย ก็ไม่ต้องระวังความเสี่ยง จะผิวขาว ผิวดำ แค่นี้ก็ชนะแบบใสๆ

 

ที่มา :www.dailynews.co.th โดย ทวีลาภ บวกทอง